กระเพาะอาหารเป็นอวัยวะหลักๆที่ใช้ย่อยอาหารของคนเรา และกระเพาะอาหารยังเป็นส่วนสำคัญต่อการควบคุมปริมาณอาหารที่เรากินเข้าไปในแต่ละมื้อด้วย นั่นหมายถึงว่าหากกระเพาะอาหารของเรามีขนาดใหญ่สามารถจุอาหารได้เยอะ มันก็จะไปสั่งการสมองว่าฉันยังไม่อิ่มยังใส่อาหารมาได้อีกเยอะ ทีนี้ก็กินใหญ่เลยเพราะกระเพาะอาหารมันยังไม่เต็มสักที แต่ถ้าหากกระเพาะอาหารมีขนาดเล็กความจุน้อย ใส่อาหารไปนิดหน่อยก็เต็มแล้ว มันก็ไปสั่งการให้สมองบอกเราว่าอิ่มแล้วเลิกกินเถอะ! การกินอาหารมื้อนั้นก็จะหยุดลงโดยที่เรากินอาหารน้อยลง
หลายคนอาจจะนึกค้านอยู่ในใจว่ากระเพาะอาหารจะเล็กลงได้ยัง วิธีที่ทำให้กระเพาะอาหารเล็กลงได้ที่พอจะนึกออกก็น่าจะมีแต่การผ่าตัดกระเพาะอาหารให้เล็กลง ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่นิยมมากในปัจจุบัน แต่ว่ามีค่าใช้จ่ายสูง และมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก ซึ่งวิธีลดความจุกระเพาะอาหารที่จะพูดถึงในวันนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายกว่า ประหยัดกว่า และไม่มีความเสี่ยงใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารของเรา และรู้จักการควบคุมปริมาณอาหารที่กินเข้าไป แค่นี้ก็สามารถลดความอ้วนได้แล้วโดยไม่ต้องไปผ่าตัดกระเพาะอาหารแต่อย่างใด
หลักการลดความจุกระเพาะอาหาร
- วัดด้วยการกินของเหลวเข้าไป ให้เราลองกินนมที่มีความจุกล่องละ 250 ซีซีเข้าไป กินไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้สึกอิ่ม หรือรู้สึกตึงท้องแล้วก็ให้หยุดและลองคำนวณปริมาตรนมที่กินเข้าไปว่าเป็นเท่าไร เช่น ถ้าเรากินนมไปได้ 4 กล่องแล้วเรารู้สึกอิ่มก็เท่ากับว่า เรากินนมได้ทั้งหมด 1,000 ซีซี หรือเท่ากับ 1 ลิตรนั่นเอง แสดงว่ากระเพาะอาหารมีความจุประมาณ 1 ลิตร
- ตรวจด้วยเครื่องมือเฉพาะ การแพทย์สมัยใหม่สามารถตรวจเพื่อคำนวณปริมาตรความจุของกระเพาะอาหารได้เลย โดยจะคล้ายๆกับเครื่อง X-ray วิธีการนี้จะตรวจความจุได้แน่นอนกว่าวิธีแรก
เมื่อเรารู้แล้วว่าความจุกระเพาะอาหารของเราเป็นเท่าไร เราก็จะสามารถคำนวณได้ว่าเราจะต้องกินอาหารไปเท่าไรเพื่อให้ความจุของกระเพาะอาหารของเราลดลง หรือทำให้เราอิ่มเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มาดูขั้นตอนและวิธีการลดความจุกระเพาะอาหารเพื่อลดความอ้วนกันต่อ
วิธีลดความจุกระเพาะอาหารเพื่อลดความอ้วน
กำหนดเป้าหมายความจุที่ต้องการ
เมื่อเรารู้ว่ากระเพาะเรามีความจุเท่าไร เราก็จะรู้แล้วว่ากินเท่าไรถึงจะได้ปริมาตรอาหารที่ต้องการ สมมุติว่ากระเพาะของเราจุอาหารได้ 4 ลิตร แต่เราต้องการให้เหลือ 3 ลิตร เราก็ต้องลดอัตราส่วนอาหารที่เรากินลงให้มีอัตราส่วนเท่ากับที่เราต้องการลด และกินอย่างนั้นต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อให้กระเพาะอาหารได้จดจำความจุที่กินแล้วอิ่มแบบใหม่เข้าไปแทน พอกระเพาะอาหารจดจำได้แม่นแล้ว สมองก็จะสั่งการให้เรากินอาหารที่ความจุใหม่เข้าไปแทน จากตัวอย่างก็คือความจุที่ 3 ลิตรแทน 4 ลิตรนั่นเอง
เคี้ยวอาหารให้นานมากขึ้น
การเคี้ยวอาหารนานๆ นอกจากจะทำให้ระบบการย่อยอาหารของเราไม่ต้องทำงานหนักมากแล้ว ยังเป็นการช่วยสั่งการให้สมองรู้สึกอิ่มเร็วมากขึ้น เพราะบางครั้งการกินอาหารเร็วนั้นทำให้เรากลืนอาหารลงไปสู่กระเพาะได้เร็ว แต่กว่ากระเพาะจะสั่งการไปที่สมองบอกว่าได้รับปริมาณอาหารเท่าไรแล้วก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 30 นาที ซึ่งบางทีเรากินอาหารเข้าไปเยอะแล้วแต่สมองยังไม่สั่งให้หยุดกินเพราะยังไม่อิ่ม เราก็จะกินอาหารเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถ้าเราเคี้ยวช้าๆการกินอาหารก็จะนานขึ้นกระเพาะอาหารก็จะมีเวลาสั่งการไปที่สมองให้หยุดกินได้ ในขณะที่เรากินอาหารเข้าไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งการกินน้อยลงก็จะช่วยให้เราลดความอ้วนได้ในที่สุด
เพียงแค่ 2 วิธีที่บอกมานี้ก็สามารถช่วยลดความจุของกระเพาะอาหารได้แล้ว ง่ายกว่าที่คิดใช่มั๊ยครับ แต่การทำนั้นต้องมีวินัยพอสมควร คือตั้งใจว่าวันนี้จะกินข้าวเท่าไร กินขนมเท่าไรก็ต้องตามนั้น อย่าหลุดออกนอกทางเป็นอันขาด ไม่งั้นการลดความอ้วนด้วยวิธีนี้ก็จะไม่ได้ผลตามที่เราต้องการได้เลย ยังไงซะนอกจากการควบคุมอาหารเบื้องต้นแล้ว เราควรออกกำลังกายเป็นประจำด้วยนะครับ เพื่อให้การลดความอ้วนได้ผลดีอย่างสูงสุด และที่สำคัญยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมของเราดีขึ้นอีกด้วยนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น